Miss Hokusai 百日紅 หนังการ์ตูนจากค่าย IG ไม่ดังในไทย ไม่มีกระแส
แต่เป็น 1 ในหนังที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ แต่คิดว่าคงไม่ได้หรอก
ตอนแรกเห็นชื่อก็อยากดูเลยแหละ ชื่อเรื่อง Miss Hokusai ตอนเห็นชื่อครั้งแรกคิดว่าต้องเกี่ยวกับจิตรกรสมัยเอโดะที่ชื่อโฮคุไซแน่ๆ ก็เลยอยากดู พอลองดู Trailer แล้วพบว่าเป็นเรื่องของลูกสาวของเค้านั่นเอง ซึ่งน่าสนใจดี ขอเรียกนางเองว่าอาโออิแล้วกัน จริงๆคือ 葛飾 応為
ออกตัวก่อนว่าที่สนใจดูหนังเรื่องนี้เพราะส่วนตัวสนใจภาพวาดสมัยเอโดะอยู่แล้ว
คิดว่ามันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวดี ชอบดู แต่ไม่ได้ชอบเอามาเก็บไว้ที่บ้าน คือชอบดูเฉยๆ
ออกตัวก่อนว่าไม่ได้ชอบดูหนังญี่ปุ่นโบราณ ปกติละครพีเรียดไม่ดูเลย ไม่ชอบ
เราเคยดูสารคดีเกี่ยวกับโฮคุไซแล้วสนใจมาก ก็เลยไปหาดูในยูทูบอีกรอบ แม้ว่ามันจะเป็น Sub Eng ทั้งหมดก็ตาม ผลงานของโฮคุไซ ส่วนใหญ่ผ่านตาเรามาหมดแล้ว
เราสนใจเรื่องพวกสีของสมัยก่อนด้วย บลาๆ
พอมีหนังเรื่องนี้ก็เลยอยากดู ไม่ต้องไปอ่านหนังสือประวัติศาสตร์ ดูการ์ตูนน่าสนุกดี
เนื้อเรื่อง Base on หนังสือ ซึ่งเราไม่เคยอ่านเพราะมันเป็นภาษาญี่ปุ่น แล้วก็คิดว่าไม่อ่านดีกว่าเพราะเนื้อเรื่องมันอาจจะน่าเบื่อก็ได้
หนังการ์ตูนเรื่องนี้ทำกึ่งๆแนวชีวิตประวัติ มีสอดแทรกวัฒนธรรมสมัยเอโดะ มีคำพูดในยุคเอโดะบ้าง
ภาพในหนังการ์ตูนเรื่องนี้ มีต้นแบบจาก ภาพวาดสมัยเอโดะ ตัวโฮคุไซเองเคยวาดรูปหน้าตัวเองเอาไว้
ซึ่งหนังเรื่องนี้เอาภาพวาดของเค้ามาเป็นต้นแบบตัวละครตัวนี้ ดูๆไปเหมือนเหมือนเอาภาพวาดสมัยเอโดะมาทำให้เคลื่อนไหวได้ แต่มันไม่ได้ดูขัดตาเมื่อเป็นการ์ตูนยุคเฮยเซย์ เลย ดูสนุกดี
ตัวลูกสาวเองที่เป็นนางเอกของเรื่อง เป็นตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ ประวัติของเธอจริงๆที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์มีค่อนข้างน้อยมากๆ มีคำกล่าวว่าเธอนั้นเป็นเหมือนเงาของพ่อ เป็นผู้ช่วยของพ่อ มีข้อมูลบอกว่าเธอวาดภาพได้เก่งพอๆกับพ่อของเธอ แต่ด้วยยุคเอโดะ จิตรกรหญิงยังไม่ได้รับการยอมรับเท่าจิตรกรชาย ถ้าดูในหนังคือรู้สึกว่าเธอวาดภาพเก่งพอๆกับพ่อเลยแหละ แต่อย่างที่รู้ๆกัน ผู้หญิงถูกแบ่งชนชั้น ตอนนั้นเป็นยุคเอโดะ
โฮคุไซพ่อของเธอเป็นคนสอนเธอวาดภาพ
โฮคุไซบอกว่าเธอคิดว่าเธอวาดได้ทุกอย่าง พูดเหมือนดูถูก
แต่จริงๆเธอวาดได้ทุกอย่างจริงๆนะ แม้แต่ภาพอีโรติก
แน่นอนว่าภาพอีโรติกเป็นที่นิยมในสมัยนั้นเช่นกัน สมัยนี้บางคนคงเรียกการ์ตูนโป๊
ทั้งๆที่เธอเป็นผู้หญิงแต่กลับวาดภาพอีโรติกได้สวยงามสมจริง แต่ถึงกระนั้นก็ยังโดนดูถูกอยู่ร่ำไปน่าสงสารจริงๆ
ดูเหมือนเธอจะวาดภาพเพื่อหาเงินเลี้ยงชีพ เพื่อแม่และน้องสาวของเธอ
ในหนังสร้างคาแรคเตอร์ออกมาให้นางเอกดูเป็นผู้หญิงแข็งๆ ไม่พูดจาอ่อนหวาน ไม่ค่อยแต่งหน้า แต่เป็นคนที่มีจิตใจเข้มแข็ง อาจเพราะเธออาศัยอยู่กับพ่อ ที่มีคาแรคเตอร์เป็นศิลปินซกมกๆนิดๆ บ้านรกมาก แต่เธอยังไงก็คือผู้หญิงแหละ
ตามประวัติบอกว่าเธอเป็นลูกของเมียคนที่ 2 ของโฮคุไซ แต่ในหนังไม่ได้กล่าวถึงเรื่องนั้น
ในหนังเน้นไปที่น้องสาวแท้ๆของเธอที่ตาบอดแต่กำเนิดและร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง
-----------------------------------------------------------------
ชอบอะไรจากหนังเรื่องนี้
1. ได้ดูภาพในสมัยเอโดะแบบอนิเมะชั่น
2. ได้รู้จักคำพูดสมัยเก่าๆ สมัยเอโดะ (นิดหน่อย)
3. ได้เรียนรู้ชีวิตแบบสมัยเอโดะ (นิดหน่อย)
4. ดูเพลินดี
5. มีความแฟนตาซี มีผีด้วย
-----------------------------------------------------------------
ข้อ 6 ขอแปะรูปเพิ่มนะ
ในหนังเรื่องนี้มี 四万六千日(ชิมังโรคุเซ็นนิจิ) ด้วยแหละ เป็น 1 ในเทศกาลประจำปีของศาลเจ้าอาซากุสะ วัดเซนโซจิล่ะ
วัดเซนโซจินะ มีเทศกาลทั้งหมด 10 เทศกาลในรอบปี ส่วนในหนังเรื่องนี้มีเทศกาลนึงนั่นคือ
四万六千日(ชิมังโรคุเซ็นนิจิ)
เชื่อกันว่าเป็นวันที่จะได้รับผลบุญกุศลในส่วนของ 46,000 วัน
夕方から浅草は浅草寺に参拝し1日で4万6000日分の参拝を達成しました。
ช่วงวันที่ วันที่ 9 และ10 กรกฎาคม ของทุกปี คราวนี้มาดูภาพในหนังกันว่าเห็นอะไร
ตรงถนนนากามิเสะ ในปัจจุบันมีร้านขายของเยอะแยะ แต่ในหนัง มีร้านขายต้นไม้เต็มเลยคืออะไรกันนะ
แต่นี่มันต้นอะไรเอ่ย ???
พอลองหาคำตอบดูก็พบว่า ปัจจุบันก็ยังทำแบบนี้กันอยู่ โดยเรียกว่า 江戸の風物詩 การจัดร้านแบบสมัยเอโดะแหละ


มันคือต้นโฮซุกิแหละ ほおずき แต่ปกติเวลาเสิร์ชใช้คำนี้ล่ะ ほおずき市
ไม่รู้เหมือนกันนะว่าเค้าซื้อไปทำอะไรกัน แต่เหมือนว่าจะมีร้านขายต้นโฮซุกิเยอะมากในเทศกาลนี้ล่ะ
-----------------------------------------------------------------
ข้อที่ 7 ต่อมา
ภาพจากหนังในรูปนี่คือสะพานเรียวโงะกุบาชิ Ryogoku Bridge 両国橋
เป็นสะพานที่มีชื่อเสียงในสมัยเอโดะ ถ้าดูในหนัง นางเอกจะพูดว่า เราใช้สะพานนี้เพื่อข้ามไปฝั่งอาซากุสะ วันๆนึงมีคนเดินข้ามสะพานเป็นพันๆคน คือเยอะมาก เป็นสะพานใหญ่ที่แข็งแรง รถม้าสามารถวิ่งข้ามไปมาได้เลย
แล้วมาดูภาพสมัยเอโดะ
สวยดีอ่ะ เค้าเอาภาพสมัยก่อนมาเทียบกับสถานี่จริงแหละ
credit http://benimaru.com/log/?cat=4&paged=16
ขอจบการคุยเรื่อยเปื่อยแต่เพียงเท่านี้
-----------------------------------------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น